ทำไมต้องบำรุงหัวใจ?
-
1) เส้นใยอาหาร
นอกจากจะลดลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้แล้ว ยังลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน เบาหวาน อันเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองตีบได้อีกด้วย การศึกษาจากสหรัฐอเมริกาพบว่าคนส่วนมากรับประทานเส้นใยอาหารเพียงแค่ครึ่งเดียวจากปริมาณที่แนะนำต่อวันที่ 25-38 กรัม ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่ารับประทานผักและผลไม้น้อย อาจลองเสริมธัญพืชหรือรับประทานเส้นใยอาหารเสริม เช่น Psyllium Husks, Beta-Glucan หรือ Glucomannan ได้ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำตามมากๆ และอาจจะต้องระวังเรื่องลมในท้องที่เกิดจากอาหารเส้นใยสูงได้ค่ะ
-
2) โอเมก้า 3
ทีมแพทย์โรคหัวใจทั้งในอเมริกาและยุโรป แนะนำให้คนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจรับประทานกรดไขมันโอเมกา 3 DHA กับ EPA รวมกัน 1-3 กรัมต่อวันมานานกว่า 20 ปี ล่าสุดในปี 2019 มีงานวิจัย REDUCE-IT ที่แสดงให้เห็นว่ากรดไขมัน EPA ปริมาณสูงสามารถลดเรื่องของอัตราตายจากโรคหัวใจได้จริงและสามารถรับประทานเพิ่มเสริมยาลดไขมันในกลุ่ม Statin ได้ ปลาที่มีไขมันมาก เช่น แซลมอน แมคเคอเรล ทูน่า ยังคงเป็นแหล่งโอเมกา 3 ที่สำคัญ บางคนอยากหลีกเลี่ยงปัญหาสารตะกั่วปนเปื้อน ก็หันมารับประทานเป็น สาหร่ายทะเล เมล็ดเจีย วอลนัท หรือ จะเลือกเป็นสารเสริมอาหารในรูปน้ำมันปลา น้ำมันคริลล์ ก็ได้ค่ะ
-
3) ข้าวยีสต์แดง
ความลับของการลดคอเลสเตอรอลของข้าวยีสต์แดงอยู่ที่สารออกฤทธิ์ Monacolin K ซึ่งเหมือนกับยา Lovastatin ดังนั้นใครที่กินยาลดไขมันในกลุ่ม Statin หรือมีปัญหาเรื่องตับอยู่แล้วไม่ควรกินข้าวยีสต์แดงเสริมค่ะ
-
4) Co. Q10
คนนิยมรับประทานสารเสริมอาหาร Co. Q 10 ขนาด 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อเพิ่มพลังการบีบตัวของหัวใจในคนที่มีปัญหาหัวใจวายเรื้อรัง เหนื่อยง่าย และอาจช่วยลดปัญหาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดจากยาลดไขมัน Statin ได้ด้วย
-
5) วิตามินบี 3
มีมากในปลา เนื้อสัตว์ และอโวคาโด การรับประทานวิตามินบี3ในขนาดสูงถึง 1.5 กรัมต่อวัน สามารถเพิ่มไขมันดี HDL ได้ แต่อัตราการตายจากโรคหัวใจไม่ลดลงค่ะ ปกติจึงแนะนำการใช้วิตามินบี 3 ขนาดสูงในกลุ่มคนที่ไม่สามารถรับประทานยาลดไขมันกลุ่ม Statin ได้ ส่วนคนทั่วไป รับประทานวิตามินบี3 เพียง 15-30 มิลลิกรัมต่อวันก็เพียงพอ นอกจากนี้คนที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือมีปัญหาเรื่องลำไส้ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินตัวนี้ค่ะ
-
6) แมกนีเซียม
เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในหลายๆ ระบบของร่างกายรวมถึงหัวใจ พบมากในผักใบเขียว ธัญพืชและถั่วเหลือง แมกนีเซียมสามารถลดความดันโลหิตและลดระดับฮอร์โมนความเครียด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดการอักเสบในร่างกายได้ค่ะ หลายๆ งานวิจัยพบว่าคนที่รับประทานแมกนีเซียมในระดับสูง (ถึง 250 มิลลิกรัมต่อวัน) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองตีบลดลงค่ะ
-
7) กระเทียม
มีกรดอะมิโน Allicin ที่เชื่อว่าเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่ช่วยลดความดันโลหิตและลดคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และยังอาจช่วยลดภาวะไขมันเกาะตับได้อีกด้วย โดย ฤทธิ์เหล่านี้ต้องใช้ปริมาณ Allicin ขนาดสูง กระเทียมยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และวิตามินซีซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของหัวใจค่ะ
-
8) L-Carnitine
เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน จึงมีความสำคัญต่อหัวใจ สมอง และกล้ามเนื้อ หลายๆ งานวิจัยพบว่า L-Carnitine ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบีบตัวของหัวใจ ลดอาการเหนื่อยจากภาวะหัวใจวายเรื้อรัง และลดอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบได้
วิตามินหรือสารเสริมอาหารอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงได้ในบางคน ดังนั้นควรเริ่มรับประทานที่ขนาดน้อยๆก่อน หากใครที่มีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ถึงอาหารเสริมที่รับประทานด้วยเสมอ และอย่าลืมค่ะว่าหัวใจจะแข็งแรงได้ นอกจากอาหารบำรุงหัวใจแล้ว ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน และไม่สูบบุหรี่ด้วยค่ะ