รอยดำชวนช้ำใจที่ไม่ใช่เพราะน้ำเหลือง
เป็นแผลทีไรทิ้งรอยดำ ๆ ไว้บนผิวทุกที เป็นสิวก็เป็นรอยน้านนาน ไปเที่ยวทะเลทีไรโดนแมลงกัดจนขาลายอยู่ตั้งหลายเดือน ต้องเป็นเพราะน้ำเหลืองไม่ดีแน่ ๆ เลย!
ปัญหารอยดำหลังเกิดการอักเสบที่ผิว ไม่ว่าจะเกิดจากแมลงกัด เป็นสิว เป็นแผลติดเชื้อ ไปทำเลเซอร์ หรือสาเหตุใด ล้วนแล้วแต่มีต้นตอมาจากสิ่งเดียวกันนั่นคือ “เม็ดสีเมลานินในผิว” ไม่ใช่เพราะน้ำเหลืองไม่ดีอย่างที่คนไทยเรามักพูดกันนะคะ แล้วทำไมผิวอักเสบแล้วต้องดำขึ้น สิ่งที่เป็นเรียกว่าอะไร ทำยังไงถึงจะหาย อยากรู้อ่านต่อกันค่ะ
รอยดำหลังจากการอักเสบ (Post Inflammatory hyperpigmentation) เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย แต่มักจะพบในคนที่มีสีผิวค่อนข้างคล้ำมากกว่าคนผิวขาว นั่นเป็นเพราะคนผิวสีค่อนข้างเข้มมีเม็ดสีเมลานินเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นรอยดำหลังจากการอักเสบจึงพบได้บ่อยในคนแอฟริกา อเมริกาใต้ ชนพื้นเมืองอเมริกันที่เรามักจะเรียกว่าอินเดียนแดง และคนเอเชีย รวมถึงคนไทยที่มีผิวสีน้ำผึ้งด้วย
ลักษณะของรอยดำหลังการอักเสบที่แต่ละคนเคยเป็นอาจจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว นั่นเป็นเพราะว่ารอยดำที่เกิดหลังการอักเสบของผิวแบ่งได้เป็น 2 แบบตามกลไกการเกิดและตำแหน่งที่เกิด นั่นคือ
- รอยดำหลังการอักเสบที่เกิดบนผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermal Post Inflammatory Hyperpigmentation) เป็นรอยดำที่มีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม ซึ่งจะค่อย ๆ จางไปเองแม้ไม่ได้รับการรักษา อย่างไรก็ตามต้องทำใจว่ารอยดำหลังการอักเสบใช้เวลานานกว่าจะหาย และอาจจะมีรอยให้เห็นได้หลายเดือนจนถึงเป็นปีเลยทีเดียว
- รอยดำหลังการอักเสบที่เกิดบนผิวชั้นหนังแท้ (Dermal Post Inflammatory Hyperpigmentation) รอยดำแบบนี้เกิดขึ้นในชั้นผิวที่ลึกกว่าแบบแรก มีลักษณะเป็นสีเทาฟ้า และที่น่าเศร้าคือมันหายยากมากหรืออาจจะไม่หายตลอดไป
รู้จักรอยดำหลังการอักเสบทั้งสองแบบไปแล้ว แน่นอนว่าทุกคนต้องไม่มีใครอยากจะมีรอยดำแบบนี้ประทับอยู่บนผิว ไม่ว่าจะเป็นแบบตื้นหรือแบบลึก ยิ่งเป็นครั้งนึงใช้เวลานานกว่าจะหายและบางรอยก็อาจจะรักษาไม่หายด้วยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดจึงเป็น “การป้องกัน” ไม่ใช่การรักษา
แก้ปัญหารอยดำอย่างไรให้ตรงจุด
คำแนะนำสำหรับวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำหลังการอักเสบอย่างง่ายและกำปั้นทุบดินที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ผิวเกิดการอักเสบ เช่น ถ้าโดนยุงกัด ต้องระงับใจไว้พยายามอย่าเกา หายาทาเพื่อลดอาการคัน อาการอักเสบที่ผิวตั้งแต่แรกเป็น จะทำให้อาการอักเสบไม่ลุกลามมาก รอยดำก็จะไม่เกิด หรือในคนที่เป็นสิวบ่อย ๆ ต้องไม่บีบ กด หรือแกะสิวด้วยตนเอง แต่ให้ใช้วิธีทายาแก้สิวที่เหมาะกับสิวประเภทนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอแล้วรอให้สิวยุบไปเอง หรือถ้าทนไม่ไหว แนะนำให้ไปคลินิกเพื่อให้หมอช่วยดูแลอย่างถูกวิธีโดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม เพราะมีสถิติว่าคนผิวเข้ม ๆ เป็นสิวแล้วมีโอกาสเกิดรอยดำทิ้งไว้ให้ปวดใจได้ถึง 65% เลยล่ะค่ะ อีกวิธีในการป้องกันรอยดำหลังการอักเสบคือ ช่วงไหนที่รู้ตัวว่าผิวมีการอักเสบมา ให้เลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อป้องกันแสงแดดที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น สุดท้ายถ้าป้องกันสุดตัวแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถปกป้องผิวจากรอยดำหลังการอักเสบได้ ผู้เขียนก็มีวิธีรักษารอยดำแต่ละแบบมาแนะนำค่ะ
การรักษารอยดำจากสิว
ยาและเครื่องสำอางหลายชนิดมีส่วนช่วยทำให้รอยดำจากสิวจางลงได้ เช่น เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ retinol ใช้ทาวันละ 1 ครั้งก่อนนอน แต่จะเห็นผลก็ต่อเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 12-18 สัปดาห์ หรือยาทาสิว Skinoren ซึ่งมีตัวยา azelaic acid 20% เป็นตัวยาสำคัญก็เป็นยาที่ดี ที่นอกจากลดสิวแล้วยังช่วยลดเลือนรอยดำได้ด้วยโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว แต่ต้องอดทนทาวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 16-24 สัปดาห์นะคะ
การรักษารอยดำหลังการอักเสบที่เกิดบนผิวชั้นหนังกำพร้า
รอยดำประเภทนี้จะจางลงได้เร็วเมื่อใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน เช่น ใช้ยาในกลุ่มเรตินอยด์ร่วมกับยาไฮโดรควิโนน แต่ไฮโดรควิโนนเป็นยารักษาฝ้าที่ต้องให้แพทย์สั่งใช้และใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ดังนั้นขอแนะนำว่าหากคุณมีปัญหารอยดำที่สร้างความกังวลใจมาก การไปพบแพทย์เฉพาะทางและรักษาด้วยยาจะเป็นวิธีที่จะทำให้รอยดำนั้นหายเร็วที่สุด ส่วนผลิตภัณฑ์ทาผิวชนิดอื่น ๆ ที่คุณผู้อ่านหาซื้อใช้ได้ด้วยตัวเองและมีผลวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพในการลดรอยดำหลังการอักเสบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งมีส่วนผสมของสารที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวขาว (whitening agent) ต่าง ๆ ได้แก่ สารสกัดจากถั่วเหลือง, สารสกัดจากมะขามป้อม, วิตามินบี 3 (หรืออีกชื่อคือ niacinamide), kojic acid, azelaic acid หรือการลอกผิวด้วยกรด glycolic acid และ salicylic acid ทุก 2-3 สัปดาห์ที่มีบริการตามคลินิกก็ช่วยทำให้รอยดำจางลงเร็วขึ้นได้
การรักษารอยดำหลังการอักเสบที่เกิดบนผิวชั้นหนังแท้
เนื่องจากรอยดำแบบนี้อยู่ลึกในชั้นผิว ยาทาภายนอกจึงไม่สามารถช่วยให้รอยดำจางลงได้ ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำเลเซอร์เท่านั้น
ทั้งนี้ยาและเครื่องสำอางบางอย่าง การลอกผิว และการทำเลเซอร์บางชนิดจะทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้นได้ การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดควบคู่กันไปกับการรักษาแบบอื่นจึงมีความสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นรอยดำอาจกลับมาใหม่และรุนแรงกว่าเดิมได้
ใคร ๆ ก็อยากมีสีผิวที่เนียนเรียบสม่ำเสมอ ไม่อยากมีขาเป็นจุดเป็นลายจากแมลงกัด หรือมีรอยดำจากสิวที่ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ หวังว่าเคล็ดลับที่เราเอามาฝากกันในบทความนี้จะทำให้คุณป้องกันและรักษารอยดำที่เกิดจากการอักเสบได้เห็นผลขึ้นมีผิวสวยหน้าใสกันทุกคนนะคะ