จากสถิติจากมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีคนไทยเป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 800,000 คน และตัวเลขมีแนวโน้มสูงมากขึ้นปีละ 30,000 คน จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมประกาศตามหาผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัลไซเมอร์เดินหายออกไปจากบ้านหรือการดูแลของลูกหลานจึงมีให้เห็นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โรคอัลไซเมอร์คืออะไร? ก่อนจะทำความรู้จักกับโรคอัลไซเมอร์ อยากชวนคุณผู้อ่านมาทำความเข้าใจกับภาวะสมองเสื่อมก่อน เพราะภาวะสมองเสื่อมคือกลุ่มอาการของความผิดปกติในสมองซึ่งเป็นร่มใหญ่ของโรคอีกหลายชนิด และอย่างที่เรารู้กันว่าสมองไม่ใช่อวัยวะชิ้นเดียวแต่ประกอบไปด้วยหลายส่วน แต่ละส่วนแต่ละตำแหน่งทำหน้าที่ควบคุมร่างกายอวัยวะ ความคิด ความจำและทำหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้นสมองส่วนไหนเสื่อม การทำงานของสมองส่วนนั้นก็จะเสียไป การเสื่อมของสมองแต่ละส่วนจึงแสดงออกทางกายได้หลากหลายอาการ
ภาวะสมองเสื่อมแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือประเภทที่รักษาให้หายขาดได้ พบได้ประมาณ 20% เช่น หลอดเลือดสมองตีบตัน เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมอง ขณะที่ภาวะสมองเสื่อมที่รักษาไม่หายขาดพบถึง 80% โดยที่พบมากที่สุดคือโรคอัลไซเมอร์คิดเป็น 60-70% จากประชากรโลกทั้งหมดที่มีภาวะสมองเสื่อมจำนวน 50 ล้านคน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชื่อของโรคอัลไซเมอร์จึงคุ้นหูคุ้นตาและเป็นธรรมดาที่จะมีคนที่เรารู้จักที่เป็นโรคนี้อยู่รอบตัว
10 สัญญาณเตือนของโรคอัลไซเมอร์
-
1) ลืมในเรื่องที่กระทบกับชีวิตประจำวัน
การลืมลักษณะนี้เป็นอาการเริ่มแรกของโรค เช่น ลืมวัน ลืมนัดหรือลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมาเพราะจำไม่ได้ว่าถามไปแล้ว และต้องให้คนรอบข้างเตือนความจำหรือใช้อุปกรณ์เตือนความจำมากขึ้นในเรื่องที่เคยจัดการด้วยตัวเองได้
-
2) การวางแผนหรือแก้ปัญหากลายเป็นเรื่องยากขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเลข ผู้ป่วยอาจจะพบอุปสรรคในการทำกับข้าวเมนูที่เคยทำประจำ ลืมจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าสาธารณูปโภคที่เคยจ่ายทุกเดือน สมาธิแย่ลงและใช้เวลามากขึ้นกับกิจกรรมเดิมที่เคยทำ
-
3) มีปัญหากับกิจวัตรประจำวัน
เช่น การขับรถไปสถานที่เดิม ๆ การซื้อของเข้าบ้านประจำสัปดาห์ หรือกฎกติกาที่เคยรู้กลายเป็นเรื่องที่จำหรือทำได้ยากขึ้น
-
4) หลงลืมวันเวลาหรือสถานที่
ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะหลงลืมวัน เวลา ฤดูกาล จึงไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งนั้นสิ่งนี้จึงเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในเวลาที่ตัวเองคาดคิด บางครั้งก็จะไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร
-
5) มีปัญหาในการทำความเข้าใจกับภาพที่มองเห็นและมิติสัมพันธ์
ในผู้ป่วยบางคนจะพบปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น กะระยะไม่ได้ มีปัญหากับสีและการตัดกันของสี ทำให้ไม่สามารถขับรถได้
-
6) มีปัญหาการสื่อสาร
ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มักมีปัญหาในการพูดหรือการเขียน สังเกตได้จากพูดแล้วหยุดกลางประโยคหรือพูดซ้ำเดิมเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร และเรียกชื่อสิ่งที่คุ้นเคยผิดพลาดบ่อย
-
7) ทำของหายหรือไว้ของผิดที่แล้วหาไม่เจอ
จำไม่ได้ว่าวางของไว้ที่ไหน หรือลืมของในตำแหน่งที่ไม่น่าลืม ข้อนี้คุณผู้อ่านอ่านแล้วอาจจะคิดว่าฉันก็เป็น แต่ในที่สุดคุณจะหาสิ่งนั้นเจอใช่ไหมคะ แต่ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์เขาจะลืมไปเลยว่าเอาของไปไว้ที่ไหน และอาจเกิดร่วมกับการหลงผิดว่ามีคนขโมยไป
-
8) ความสามารถในการตัดสินใจหรือตีความแย่ลง
ทำให้ตัดสินอะไรผิดพลาดมากขึ้น เช่น ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องเกี่ยวกับเงินทอง หรือไม่สามารถดูแลสุขอนามัยของตัวเองได้ดังเดิม
-
9) หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
เมื่อผู้ป่วยรู้สึกว่าการพูดคุยกับคนอื่นเป็นเรื่องยาก พาลทำให้ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากคุยกับใครเพราะเสียความมั่นใจนั่นเอง
-
10) อารมณ์และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
อาการที่เกิดจะมีความหลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่มีอาการซึมเศร้า เฉื่อยชา ไม่อยากเข้าสังคม อารมณ์แปรปรวน ขาดความเชื่อใจคนอื่น หงุดหงิดก้าวร้าว นอนหลับผิดปกติ เดินงุ่นง่านไปมา ไม่สามารถยับยั้งใจได้ มีความเชื่อที่หลงผิด เช่น คิดว่าคู่สมรสนอกใจ มีคนขโมยของไป มีคนมาหา
- ส่วนในเรื่องอาหารการกิน มีหลักฐานจากวิจัยว่าวิตามินที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระนั่นคือ วิตามินเอ บี ซี ดี และอีช่วยชะลอการดำเนินของโรคและป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นการรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเหล่านี้จึงมีประโยชน์ทั้งในแง่การป้องกันและช่วยชะลอโรค ส่วนการรับประทานวิตามินในรูปอาหารเสริมยังไม่มีข้อสรุปและแนวทางการใช้ที่ชัดเจนร่วมกันในระดับนานาชาติ