พีเอ็ม 2.5 คืออะไร ?
พีเอ็ม 2.5 เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงในประเทศไทยต่อเนื่องมาหลายปี ในปีแรก ๆ ปัญหานี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ก่อนที่กระแสสังคมจะเริ่มซาลงเพราะผู้คนชินชากับปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงมกราคมถึงเมษายนซึ่งเป็นฤดูเผาพืชไร่ของแต่ละปี จริงอยู่ที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทั้งประชาชน รัฐ เอกชน รวมถึงนานาประเทศในภูมิภาคเดียวกันเพื่อแก้ปัญหา ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่อาจแก้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ในระหว่างนี้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ไม่ใช่การปรับตัวให้ชิน แต่ต้องเข้าใจความอันตรายของพีเอ็ม 2.5 แล้วป้องกันตัวเองและคนที่รักให้ดีที่สุด เพราะฝุ่นจิ๋วนี้คือพิษร้ายที่เป็นระเบิดเวลาคอยทำลายสุขภาพของเราทุกคน
พีเอ็ม 2.5 มีที่มาได้จากหลายแหล่ง เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงอย่างถ่านหิน ถ่านลิกไนต์ น้ำมัน รวมถึงพลังงานชีวภาพ นอกจากนั้นกิจกรรมที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันอย่างการก่อสร้าง ทำถนน หรือแม้การประกอบอาหารปิ้งย่างที่ทำให้เกิดควันก็ก่อให้เกิดพีเอ็ม 2.5 ได้เช่นกัน ดังนั้นส่วนประกอบของพีเอ็ม 2.5 จึงมีความหลากหลายตามที่มาและสารเคมีที่มีการใช้ในพื้นที่นั้น ๆ มีการศึกษาว่าสารเคมี สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอนุภาคพีเอ็ม 2.5 มีมากมายกว่าร้อยชนิดเลยทีเดียว และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พีเอ็ม 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึม แทรก และเข้าไปในร่างกายของเราได้ทั่วไปหมด ไม่ว่าจะหายใจเข้าไปในปอด ทะลุผ่านเข้าไปทางผิวหนัง และแม้แต่เข้าไปในกระแสเลือด
ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มีผลเสียอย่างไร ?
-
1) ก่อให้เกิดการระคายเคือง
เกิดอนุมูลอิสระ และเหนี่ยวนำให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย บางอาการก็เห็นได้ชัดทันทีในวันที่มีฝุ่นมาก เช่น การหายใจเอาพีเอ็ม 2.5 เข้าไปทำให้คนที่เป็นโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้มีอาการแย่ลง สังเกตได้จากการมีน้ำมูก คันคอ คันจมูก คันตา หายใจไม่สะดวก บางคนก็มีอาการคันตามผิวหนัง ผื่นขึ้น ผิวเกิดการอักเสบและระคายเคือง เพราะสารพิษในพีเอ็ม 2.5 ไปรบกวนโครงสร้างและการทำงานของผิวหนัง
-
2) สะสมในร่างกายจนเป็นผลร้ายต่อระบบต่าง ๆ ได้ในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น ทำให้ความดันโลหิต หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดการอักเสบของหลอดเลือด เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจเฉียบพลัน หัวใจวาย มีผลต่อปอด ทำให้เกิดโรคปอดอุดกั้นแบบเฉียบพลัน เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดมากขึ้น และยังเป็นสาเหตุของเส้นเลือดในสมองแตกได้อีกด้วย
-
3) หญิงมีครรภ์ที่ได้สัมผัสกับพีเอ็ม 2.5 มีโอกาสสูงที่จะคลอดก่อนกำหนด
มีการศึกษาวิจัยว่าหญิงมีครรภ์ที่ได้สัมผัสกับพีเอ็ม 2.5 ระหว่างตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งเดือนสุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอดมีโอกาสสูงที่จะคลอดก่อนกำหนด ทารกที่เกิดมามีน้ำหนักน้อย หรือตัวเล็กกว่าอายุจริง นอกจากนั้นยังพบว่าเด็กในพื้นที่ที่มีพีเอ็ม 2.5 สูงมีสถิติการไปพบแพทย์ด้วยอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อที่ปอดมากกว่าในพื้นที่อื่น โดยพบอาการรุนแรงที่สุดหลังจากสัมผัสกับฝุ่น 3-4 วัน